“กกพ.” เปิดรับฟังความเห็นค่าเอฟทีงวดสุดท้ายปี 2567


“กกพ.” ยืนยัน ดูแลค่าครองชีพประชาชนควบคู่ความมั่นคงระบบไฟฟ้า สุดอั้น เผยบาทอ่อน ต่อเนื่องและราคาก๊าซธรรมชาติเหลวที่เริ่มสูงขึ้นดันราคาก๊าซพุ่ง ตลอดจนการจ่ายคืนภาระต้นทุนที่เกิดขึ้น จริง (คงค้าง) กฟผ. และมูลค่าส่วนต่างราคาก๊าซธรรมชาติที่เกิดขึ้นจริงกับราคาก๊าซธรรมชาติที่เรียกเก็บ เดือนกันยายน – ธันวาคม 2566 ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 18 กันยายน 2566 (AFGas) จํานวนเงิน 15,083.79 ล้านบาท ส่งผลให้ทางเลือกค่าเอฟทีที่ต่ําสุดที่ 86.55 สตางค์ต่อหน่วยหรือค่าไฟฟ้า 4.65 บาท ต่อหน่วยตามที่ กฟผ. เสนอ โดย กกพ. เปิดรับฟังความเห็น 3 ทางเลือก ตั้งแต่วันที่ 12 – 26 กรกฎาคม 2567

ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน (สํานักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า จากแนวโน้มค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงิน ดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงจากงวดก่อนหน้า 1.29 บาทต่อเหรียญสหรัฐ (งวด พ.ค. – ส.ค. 2567) เป็น 36.63 บาทต่อเหรียญสหรัฐ การผลิตไฟฟ้าพลังน้ําในประเทศและต่างประเทศ และการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินแม่เมาะ ซึ่งมีต้นทุนราคาถูกมีความพร้อมในการผลิตลดลง และสถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติเหลวแบบสัญญาจร (LNG Spot) ในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงวดก่อนหน้า 3.2 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียูตามสถานการณ์ ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากกําลังเข้าสู่ฤดูหนาวในปลายปี เป็นสามสาเหตุ หลักซึ่งเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมส่งผลให้ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้น เมื่อรวม กับการทยอยคืนหนี้ค่าเชื้อเพลิงค้างชําระในงวดก่อนหน้าส่งผลให้ค่าไฟในช่วงปลายปีนี้อาจจะต้องปรับเพิ่ม ค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) ขึ้นในระดับ 46.83-182.99 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.7833 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บในงวด ก.ย. – ธ.ค. 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 4.65-6.01 บาทต่อหน่วยจาก งวดก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย

“ในการพิจารณาค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ “ค่าเอฟที” และค่าไฟฟ้า สําหรับงวดเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2567 กกพ. ตระหนักดีและคํานึงถึงผลกระทบทั้งในส่วนของผลกระทบของค่าไฟฟ้าต่อค่าครองชีพของพี่น้อง ประชาชน และความสําคัญในการรักษาไว้ซึ่งความมีเสถียรภาพและความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ เพราะนอกจากไฟฟ้ายังเป็นปัจจัยหลักที่สําคัญในการดํารงชีพแล้ว ไฟฟ้ายังเป็นปัจจัยหลักที่หนุนเสริมการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้า และการลงทุนของประเทศ ซึ่งในกระบวนการบริหารจัดการจึงมีเป้าหมายในการ รักษาสมดุลทั้งการดูแลค่าครองชีพ และการดูแลคุณภาพ ความมั่นคง ความมีเสถียรภาพ เพื่อให้สามารถอยู่ ร่วมกันได้ในช่วงที่ภาคพลังงานของประเทศยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างเต็มที่” ดร.พูลพัฒน์ กล่าว

3 แนวทาง การพิจารณาค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ “ค่าเอฟที” และค่าไฟฟ้า สําหรับงวดเดือน ก.ย. - ธ.ค. 2567

ดร.พูลพัฒน์ กล่าวว่า ปัจจัยในการพิจารณาค่าไฟฟ้างวดสุดท้ายของปีนี้ที่เพิ่มขึ้น ยังคงมาจาก เรื่องต้นทุนเชื้อเพลิงก๊าซทั้งก๊าซในอ่าวไทย และ LNG Spot นําเข้า ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า มีราคาสูงขึ้น เพราะก๊าซทั้งสองแหล่งต่างได้รับผลกระทบต่อโครงสร้างต้นทุนจากค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงิน ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงต่อเนื่องเฉลี่ยอยู่ที่ 36.63 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากต้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 33 บาทต่อ ดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมาภาวะราคา LNG Spot ในตลาดโลกมีการปรับตัวเข้าสู่ภาวะ ปกติอย่างต่อเนื่องทั้งปริมาณและราคาซึ่งเฉลี่ยอยู่ในระดับ 10 – 12 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู และคาดการณ์ ราคามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2567 ขึ้นมาอยู่ที่เฉลี่ย 13 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู เนื่องจาก มีปริมาณความต้องการใช้เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว


ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save